สงสัยมั้ย ปวดหัวความดันสูง อาการและสาเหตุมาจากอะไรบ้าง

โรคความดันโลหิตสูง เป็นอีกหนึ่งโรคที่ปัจจุบันมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นโรคที่หลายคนเป็นแล้วมักจะไม่รู้ตัว เนื่องจากไม่ค่อยแสดงอาการที่ชัดเจน ทั้งยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ผู้ป่วยสามารถควบคุมความรุนแรงของโรคได้ ทั้งนี้นอกจากการตรวจสุขภาพเพื่อให้ทราบว่าป่วยเป็นความดันโลหหิตสูงหรือไม่แล้ว เราสามารถสังเกตด้วยตนเองได้ไม่ยาก ซึ่งอาการหนึ่งในนั้นก็คือ ปวดหัวความดันสูง ซึ่งมีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่มีอาการนี้บ่อย ๆ แต่กลับไม่รู้ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร วันนี้เราเลยมีคำตอบเรื่องนี้มาฝาก 

สาเหตุที่ทำให้ ปวดหัวความดันสูง มาจากไหน

ปวดหัวความดันสูง ถือเป็นอาการของความดันสูงอย่างหนึ่งซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน โดยส่วนใหญ่ที่พบจากอาการของผู้ป่วยมักจะพบว่ามีสาเหตุมาจากไข้หวัด การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอกอล์มากจนเกินไป นอกจากนี้ก็ยังพบว่ามีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่น ๆ ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น โรคจมูกอักเสบเป็นหนอง รวมถึงภาวะความดันโลหิตสูงมากขึ้น โดยสาเหตุเหล่านี้จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะบริเวณหลอดเลือดเยื่อหุ้มสมองตรงด้านนอกของสมอง หรือบางครั้งก็อาจจะมีอาการปวดศีรษะที่กล้ามเนื้อศีรษะ กล้ามเนื้อไหล่ รวมไปถึงบริเวณท้ายทอย หากมีอาการที่รุนแรงจะทำให้อาเจียน การพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด 

อาการปวดหัวความดันสูง ที่หากใครเป็นความดันสูงควรรู้

อาการปวดหัวความดันสูงเป็นอย่างไร ผู้ป่วยหลายคนที่มีอาการปวดหัวบ่อย ๆ คงคิดว่าเป็นอาการปวดโดยปกติทั่วไป แต่จริง ๆ นั่นเป็นอาการปวดหัวความดันสูง โดยปวดหัวความดันสูงอาการที่มักจะพบได้บ่อยและเกิดขึ้นได้กับผู้ป่วยทุกคนมีดังต่อไปนี้

1. มีอาการปวดที่บริเวณท้ายทอยโดยส่วนใหญ่จะปวดในช่วงเช้า เป็นอาการปวดที่ไม่นานมากนักและจะหายได้เอง
2. เวียนศีรษะ ตาพร่ามัว มีอาการมึนงงร่วมกับอาการปวดหัว
3. ปวดหัวร่วมกับมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายกว่าปกติ รู้สึกไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงมากนัก
4. หากมีอาการปวดหัวขั้นรุนแรงจะมีอาการอาเจียน บ้านหมุน หรือหน้ามืดเป็นลมได้เลย

 วิธีการดูแล ป้องกันการเกิดอาการ ปวดหัวความดันสูง

แม้ว่าโรคความดันโลหิตสูงจะเป็นโรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่เราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดโรคนี้กับตนเองได้ หรือหากใครมีอาการป่วยโรคความดันโลหิตสูง หรือมีอาการปวดหัวความดันสูงอยู่แล้วเรามีวิธีการดูแลให้ไม่เกิดอาการที่รุนแรงได้ ซึ่งผู้ป่วยสามารถทำได้ด้วยตนเองง่าย ๆ ดังนี้

• หมั่นดูแลตนเองด้วยการวัดความดันอย่างสม่ำเสมอด้วยอุปกรณ์วัดความดัน เพื่อจะได้ทราบว่าตนเองอยู่ในภาวะเสี่ยงเป็นโรคความดันสูงหรือไม่
• เมื่อมีอาการปวดหัวบ่อย ๆ ให้สังเกตตนเอง หากสงสัยว่าเป็นอาการปวดหัวความดันสูง
• เมื่อมีอาการสามารถทานยาตามที่แพทย์สั่งเพื่อลดอาการปวดได้ และพยายามหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีไขมัน หรือเลือกทานอาหารที่มีเกลือต่ำ จะช่วยให้ความดันและอาการปวดหัวลดลงได้
• หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ งดการสูบบุหรี่ รวมถึงการดื่มน้ำอัดลม เพราะนี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คุณมักจะมีอาการปวดหัวความดันได้บ่อย ๆ
• เลือกทานผัก ผลไม้และอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดความดันโลหิตสูงขั้นรุนแรง ทั้งนี้การทานอาหารที่มีประโยชน์ ถูกหลักอนามัยยังช่วยให้ความดันโลหิตสูงลดน้อยอีกด้วย
• ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกายได้มากขึ้น ถึงแม้ว่าโรคความดันโลหิตจะไม่หายขาด แต่การออกกำลังกายสามารถช่วยให้โรคความดันโลหิตสูงกลับมาอยู่ในภาวะปกติได้อย่างแน่นอน 

ทำไมถึงควรมี เครื่องวัดความดันโลหิต ติดบ้านไว้ เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิด

อย่างที่เราได้กล่าวไปว่า โรคความดันโลหิตสูงนั้นเป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้โดยที่ไม่รู้ตัว และแน่นอนเลยว่าด้วยอาการของโรคที่ไม่ได้มีอาการแสดงออกให้เห็นชัดเจนทำให้หลายคนชะล่าคิดว่าไม่ได้ป่วย หากเราไม่วัดความดันด้วย เครื่องวัดความดันโลหิต เราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าตนเองกำลังป่วยเป็นโรคความดัน เพราะฉะนั้นทุกคนควรมีเครื่องวัดความดันติดบ้านไว้ เมื่อเราใช้เครื่องวัดความดัน จะทำให้เราทราบแล้วว่าตนเองมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหรือไม่ ป้องกันไม่ให้เกิดอาการรุนแรงขึ้นและสามารถรักษาโรคนั้นได้อย่างทันท่วงที เครื่องวัดความดันปัจจุบันก็มีหลายแบบให้เลือกเยอะมาก ใช้งานได้ง่าย ไม่ยุ่งยากอีกด้วย

ปวดหัวความดันสูง เป็นอาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นร่วมกันกับโรคความดันโลหิตสูง เพราะฉะนั้นใครที่มีอาการป่วยเป็นความดันโลหิตสูงอยู่แล้วคุณจะพบกับอาการเหล่านี้ได้บ่อย ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นอาการที่อาจจะหายได้เอง เพราะฉะนั้นเมื่อเราได้ทราบอาการ สาเหตุของการปวดหัวความดันสูงแล้ว เราก็จะสามารถดูแลตนเองได้ดีมากขึ้น เมื่อคุณดูแลตนเองได้ดีนอกจากจะไม่มีอาการปวดหัวบ่อย ๆ แล้ว ยังช่วยลดภาวะความดันโลหิตขั้นรุนแรงได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามเมื่อไหร่ที่มีอาการผิดปกติหรือมีอาการที่รุนแรงไม่ควรปล่อยไว้นาน ๆ ให้คุณรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้องทันที